คำแถลงประธาน คสช. 4 ก.ค.57

Release Date : 10-07-2014 00:00:00
คำแถลงประธาน คสช. 4 ก.ค.57

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ”ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ แห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม 2557 เวลา 20.30 น.

 

สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่เคารพ วันนี้ผมมีเรื่องจะกราบเรียนให้ทราบ ดังนี้

เรื่องแรกเรื่อง สื่อ ผมขอทำความเข้าใจในเรื่องสื่อมวลชน และสื่อต่าง ๆ ก่อนเป็นลำดับแรก สื่อ ทั้ง โทรทัศน์ โทรทัศน์ดาวเทียม วิทยุกระจายเสียง  วิทยุชุมชน โซเชียลมีเดีย  สื่อสิ่งพิมพ์  คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง และไม่เข้าใจกันอีกต่อไป ไม่ว่าจะกับ คสช. หรือกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย

วันนี้บ้านเมืองของ เรานั้น อยู่ในห้วงเวลาไม่ปกติ มีความจำเป็นต้องขอร้องให้ลดการนำเสนอข่าวที่จะเพิ่ม หรือขยายความขัดแย้ง รวมทั้งข่าวที่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง

ที่ผ่านมาจะเห็นว่า ก่อนวันที่  22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จะเห็นว่าประชาชนบริโภคข่าวจากสื่อทุกประเภท ต้องยอมรับว่า มีสื่อทั้งที่เลือกข้าง และเป็นกลาง  ทำให้สังคม และประชาชนสับสน ก็มีความเกลียดชังซึ่งกันและกัน  เพราะต่างฝ่าย ต่างก็เชื่อมั่นที่จะเชื่อในข้อมูลของฝ่ายตน  มีการเขียน หรือโพสต์ หรือวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียกันอย่างกว้างขวาง ทั้งแชร์ข้อมูลของฝ่ายตนเอง และประสงค์ที่จะโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อด้วย  รวมความไปถึงสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ที่อาจจะทำให้สังคมไทยเสื่อมโทรม เช่น หนังสือลามก อนาจาร หนังสือแนวหมิ่นเหม่สถาบัน ซึ่งพบว่ายังมีการลักลอบจำหน่ายกันอยู่ในหลายพื้นที่เช่นกัน ดังนั้น เราจำเป็นต้องช่วยกัน ทั้ง คสช. สมาคมผู้สื่อข่าว นักข่าว บรรณาธิการ เจ้าของสำนักพิมพ์ ต่าง ๆ ตลอดจนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่โดยตรง

วันนี้โลกเราเปลี่ยน แปลงไปมาก ไม่มีพรมแดน การกระจายข่าวสาร รวดเร็วมาก  หากมีการโพสต์ข้อความ หรือเสนอข่าวใดที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ก็มีแต่ข้อมูลสร้างความเกลียดชัง หรือที่เรียกว่า Hate Speech เป็นการประจานประเทศไทยในสายตาของต่างชาติ  รวมทั้งสร้างผลกระทบต่อภายในประเทศเราเอง ความขัดแย้งก็จะไม่มีวันจบไม่สิ้น บางทีอาจสร้างผลกระทบกับความคิด ความอ่านของเยาวชนไทยที่เป็นอนาคตของเราด้วย หากปล่อยเป็นเช่นเดิม  ความแตกแยกจะมากขึ้น   เด็กไม่เคารพผู้ใหญ่  ต่างฝ่ายต่างใช้คำพูดที่หยาบคายใส่กัน  สังคมก็จะเกิดการขาดความเชื่อมั่น ขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกันในทุกระดับ  ความสงบสุขก็จะเกิดขึ้นได้ยาก  ฉะนั้นคนดี ๆ ก็อาจจะถูกให้ร้าย ก็ทำให้เขาหมดกำลังใจในการทำงาน

ผม ขอร้องอีกครั้งหนึ่งให้ทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับสื่อ ทั้งผู้สื่อข่าว สำนักพิมพ์ บรรณาธิการ ได้กรุณากำหนดมาตรฐาน มีมาตรการควบคุมเนื้อหาสาระของสื่อในความรับผิดชอบของท่าน ให้ช่วยการเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นข้อเท็จจริงต่อสาธารณชน   หากสื่อใดนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นข้อเท็จจริง หรือสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ท่านต้องรับผิดชอบด้วย หากสื่อนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของท่านเอง

 

คสช. ไม่ได้มุ่งหวังในการจะใช้อำนาจไปจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อแต่ประการใด   ที่ผ่านมา  เราก็อนุโลม เราก็ให้สื่อเสรีภาพในการนำเสนอ อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ ใครจะว่าใครก็ได้ เพราะฉะนั้นจะทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด บางครั้งก็ยังไม่ได้ตรวจสอบ ก็อยากให้เห็นใจคนที่เขาถูกกล่าวว่าร้ายไปบ้าง  เขาจะทำอย่างไร เขาจะมีโอกาสปกป้องตนเองหรือไม่  ในบางครั้งถ้าเราไปลงความเห็นว่าเขาดีหรือไม่ดีอย่างไร โดยไม่มีข้อพิสูจน์ จะทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งมากขึ้นเรื่อย ๆ  เพราะฉะนั้นเวลานี้ ก็ขอเรียนทำความเข้าใจอีกครั้งว่า เราต้องการความสงบสุข เพื่อ คสช. จะได้แก้ไขปัญหา  ปัญหาจริง ๆ วันนี้ท่านทราบอยู่แล้วว่ามีปัญหาอยู่ที่ไหน เราก็ทำทุกอย่างและกำลังอยู่ในกระบวนการก็มี

สำหรับโรดแมป 3 ระยะ ที่เราพูดไปหลายครั้งแล้ว ก็จะมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ต่าง ๆ มีทั้งนักวิเคราะห์ นักเขียน นักวิชาการต่าง ๆ  บางครั้งผมก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกันว่าท่านฟังเวลาเราพูดหรือไม่ คือข้อมูลต่าง ๆ ที่เราให้ไปท่านได้รับฟังหรือไม่ แต่รู้ว่าทุกท่านมีความห่วงใย มีความหวังดีกับประเทศชาติ  แต่ขอให้กรุณาฟังเราบ้าง เพราะเราทำไปเราพยายามจะบอกท่านทุกครั้ง หากท่านไม่ฟังเลย จะไม่ได้เป็นการติเพื่อก่อ จะเป็นการติเหมือนจะทำลายกัน ในขณะที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย หรือทำไปยังไม่จบสิ้น อันนี้ก็ขอร้องอีกครั้ง คงไม่ได้หมายความทุกคน ทุกสื่อ เป็นเพียงส่วนน้อยมาก ผมถือว่าน้อยมาก วันนี้คงทำงานด้วยประสบการณ์อย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

ส่วนวิทยุชุมชนก็เช่น เดียวกัน วันนี้เราก็พยายามที่จะให้มีการออกอากาศให้ได้โดยเร็ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนหลาย ๆ อย่างที่เราทำอยู่ มีการทยอยเปิดเป็นตามลำดับ อะไรที่ยังเปิดไม่ได้ก็ขอให้เข้าใจว่ายังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้ทำให้ถูกต้อง และเราก็จะเปิดให้

สำหรับเรื่องของ เศรษฐกิจในวันนี้ เรากระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินว่า เศรษฐกิจของเราจะโตขึ้นทั้งปี เพียงแค่ 1.5%  ซึ่ง คสช. ทราบดีจะพยายามผลักดันให้ได้เกิน 2 % เพราะฉะนั้นแนวทางที่เรามีอยู่ในปัจจุบันคือกระตุ้นเศรษฐกิจของคนรายได้ น้อย ให้ธนาคารต่าง ๆ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ได้พิจารณาทำโครงการต่าง ๆ ที่จะให้กลุ่มประชาชนได้กู้ยืมเงินไปลงทุนให้มากขึ้น

ส่วนเรื่องของการ กระตุ้นการส่งออกให้มากขึ้นนั้น  มีการรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้แข็งมากจนเกินไป มีการกระตุ้นส่งเสริมการท่องเที่ยว ได้มีการชักชวนผ่านทุกช่องทางให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวให้มากขึ้น ก็จะเป็นผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น การบริการต่าง ๆ ร้านอาหาร ร้านค้าต่าง ๆ  สำหรับการท่องเที่ยวทุกคนทราบดีว่า เป็นรายได้สำคัญของไทย คสช. ได้กำหนดเป้าหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ อะไรที่เป็นอุปสรรค ปัญหา ก็ให้เสนอมา เพื่อเราจะได้แก้ไขต่อไป

เรื่องของการใช้จ่าย งบประมาณของรัฐ  วันนี้การตรวจสอบงบประมาณ ปี 2557  ก็ยังมีงบประมาณหลายงบประมาณของหลายกระทรวง ซึ่งยังไม่มีแผนงาน โครงการรองรับ ประมาณกว่า 5 หมื่นล้านบาท  เราจะนำแผนการโครงการงบประมาณต่าง ๆ เหล่านั้นมาดูอีกครั้งหนึ่งว่าอะไรในแต่ละกระทรวงยังทำได้ช้า เราก็จะปรับงบประมาณตรงนี้ไปเพิ่มในแผนงาน โครงการ ที่ยังไม่สมบูรณ์และมีความเร่งด่วนสูง

เรื่องของการบริหาร จัดการน้ำ คาดว่าจะสามารถปรับงบประมาณที่เหลือ ที่ผมเรียนเมื่อสักครู่ของทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง สามารถจะปรับเพิ่มได้ประมาณหมื่นกว่าล้าน เพื่อไปดำเนินการเร่งด่วนใน ปี 2557 และต่อเนื่องในปี 2558

สำหรับเรื่อง สาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน เราก็ให้ความสำคัญและความเร่งด่วนเช่นกัน วันนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเพื่อจะอนุมัติแผนงาน โครงการดังกล่าวบางส่วน

งบประมาณ ปี 2557 ซึ่งผมเรียนไปแล้วว่าเราใช้จ่ายไป ไตรมาสสุดท้ายในขณะนี้ หากใช้ไม่หมด แผนงานที่ค้างอยู่ เราจะนำไปผูกพันไว้ในปีงบประมาณปี 2558 เพื่อดำเนินการให้ต่อเนื่องในลักษณะการบูรณาการ

การอนุมัติงบประมาณ แผนงาน/โครงการ วงเงิน ร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน ซึ่ง คสช. ได้อนุมัติไปบ้างแล้วนั้น   เป็นการอนุมัติในกรอบของ ครม. เดิม ซึ่งปัจจุบันนั้น คสช. ทำหน้าที่อยู่ ทั้งนี้ คสช. ได้ปรับเปลี่ยนแผนงาน โครงการบางส่วน ที่เป็นปัญหาค้างคาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

ในส่วนของการใช้จ่าย งบประมาณของ คสช. ปัจจุบันงบประมาณที่ คสช. ใช้จ่ายเป็นหลัก คือ ค่าตอบแทนกำลังพล ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และงบปฏิบัติการบางส่วนเท่านั้น

ใน ส่วนของการอนุมัติการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพนั้น ก็คงเป็นไปตามแผนงานเดิมทั้งสิ้น ซึ่งได้ถูกบรรจุไว้ในการจัดทำงบประมาณประจำทุกปี

การปฏิรูปในระยะที่ 1 และ 2 วันนี้เป็นขั้นการเตรียมการ โดย คสช. ในเรื่องของการอำนวยความสะดวกให้ ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น และให้ความรู้ ถกแถลงกันและยังไม่มีข้อสรุปใด ๆ

ระยะที่ 2  เมื่อมีรัฐบาลแล้วมีการจัดตั้งสภาปฏิรูป วิธีการคือการรับสมัครบุคคลทุกกลุ่มทุกฝ่าย ทั้งกลุ่มที่มีส่วนได้ส่วนเสีย การเมือง คู่ขัดแย้ง นักวิชาการ การศึกษา พลังงาน เศรษฐกิจ สังคม สมาคมต่าง ๆ ตลอดจนผู้แทนแต่ละจังหวัด ซึ่งจะต้องมีครบทุกกลุ่ม เราจะได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว

วันนี้สิ่งที่เราเป็น ห่วงมากที่สุดคือ การกระทำผิดกฎหมาย การทุจริต การไม่เคารพกฎหมาย ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชน ผู้มีอิทธิพล ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก วันนี้ได้คลี่คลายไปตามลำดับ เราจำเป็นต้องแก้ไขพฤติกรรมคนไทยเหล่านั้น ให้ได้โดยเร็ว โดยการช่วยกันสอดส่องดูแล ตักเตือน ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย กฎกติกาของสังคม ให้ความเป็นธรรมในการชี้แจง  บางครั้งเราไปลงความเห็นว่า คนนั้นผิด คนนี้ถูก โดยที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทำให้ศาล องค์กรอิสระ หน่วยงานกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้รับการเชื่อถือและยอมรับในการตัดสินคดี ยิ่งจะเป็นความร้ายแรงที่หนักหนาสาหัสกว่าเดิม

ส่วนกรณีที่ต่างประเทศ ได้แสดงความห่วงใยต่อการรัฐประหารในไทยนั้น ผมขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้

-  คสช. ดำเนินการครั้งนี้ เพื่อยุติความรุนแรง และแยกคู่ขัดแย้งออกจากกัน เนื่องจากสถานการณ์มีแนวโน้มมุ่งสู่การจลาจล การใช้อาวุธสงครามทำร้ายซึ่งกันและกัน รวมไปถึงเรื่องเศรษฐกิจต่าง ๆ ได้หยุดชะงัก ซึ่งหลังจาก 22 พฤษภาคม  2557 เราได้ตรวจยึดอาวุธสงครามได้มากมาย รวมทั้งพิสูจน์ทราบเครือข่ายขบวนการได้อย่างต่อเนื่อง

-  ในเรื่องของการเรียกรายงานตัวบุคคล เป็นการเชิญคู่ขัดแย้งและบุคคลที่ความขัดแย้งเข้ามาพบปะพูดคุย ไม่ได้เรียกมาเพื่อกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือทำตามอำนาจความอำเภอ

-  คสช.ได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชน ได้กรุณาเข้าใจ ถ้าวันนี้เราไม่นำมาพูดคุยกันเรื่องราวอาจจะนำไปสู่ความรุนแรงต่อไป วันนี้จึงมีความจำเป็นต้องเรียกมาบ้าง เชิญมาบ้าง หรือเรียกมาบ้างซึ่งขึ้นอยู่ที่กรณีความหนักเบาของปัญหา ไม่ต้องการให้ไปใช้ เชิงปลุกปั่น หรือสร้างข้อมูลเป็นเท็จ เพื่อสร้างความเกลียดชังและความแตกแยกของคนในชาติอีกต่อไป  ดังนั้น วันนี้ที่เราพูดคุยกับสื่อมาตามลำดับ จะเห็นได้ว่า เราเห็นใจท่าน และท่านต้องเห็นใจเราด้วย ซึ่งเราไม่ได้ไปละเมิดแทรกแซง หรือละเมิดสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนแต่อย่างใด

-  คสช. ส่งเสริมให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ในการยุติความขัดแย้งตามระบบกฎหมาย อย่างถูกต้อง เป็นกลาง และไม่บิดเบือนหลักการแห่งกฎหมาย โดย คสช. มีนโยบาย ไม่แทรกแซงในผลแห่งคดีเพื่อช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะเชื่อว่าจะก่อให้เกิดความขัดแย้งต่อไปในอนาคต

-  คสช. และประชาชนชาวไทยทุกคน ยึดมั่น และศรัทธา ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข   ซึ่ง คสช.เข้าใจดีว่า การทำรัฐประหารนั้น โดยรูปแบบนั้นเหมือนเป็น อันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย และเป็นภัยต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามความเข้าใจของโลกตะวันตก แต่วันนี้เราทำ เป็นการกระทำที่จำเป็นหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้  เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ และเพื่อส่งเสริมระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยให้เจริญงอกงามต่อไป

เรื่องการต่างประเทศ มีการชี้แจงทำความเข้าใจต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อ 1 กรกฎาคม 2557ที่ผ่านมา ท่านปลัดกระทรวงการต่างประเทศ  ได้เดินทางไปพบท่านนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ซึ่งท่านได้เข้าใจสถานการณ์ของไทยและร่วมมือแก้ปัญหาแรงงานกับไทย รวมทั้งได้ปล่อยตัวคุณ วีระ สมความคิด กลับมาด้วย ซึ่งขอแสดงความยินดีด้วย และผมในนาม คสช. ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน และ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมทั้งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อองค์พระมหากษัตริย์กัมพูชาด้วย ตลอดจน ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ที่ได้ดำเนินการทุกอย่างให้เป็นที่เรียนร้อย

เรื่องแรงงานต่างด้าว ปัจจุบันแรงงานชาวกัมพูชา ทยอยเดินทางกลับเข้ามาทำงานอย่างต่อเนื่อง เรารับว่าจะดูแลแรงงานต่างด้าวให้ดีที่สุด แต่ต้องขอจดทะเบียนให้ถูกต้องกฎหมายทุกคน ปัจจุบันเปิดศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว ที่จังหวัดสมุทรสาคร ได้ลดขั้นตอนการดำเนินการ ค่าใช้จ่ายลงบางส่วน  สัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาเปิดศูนย์ One Stop Service เพิ่มเติมอีก และจะให้มีการจดทะเบียนต่างด้าวที่ทำงานบนเรือประมงด้วย ขอความร่วมมือเจ้าของเรือประมง ผู้ประกอบการทุกคนด้วย

วันนี้ผมได้พูดมาหลาย เรื่องและถ้าเราไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ถ้าคนไทย ทั้งท่านและผมไม่เข้าใจกันแล้ว เราจะให้ใครมาเข้าใจเรา ต่างประเทศจะยิ่งไม่เข้าใจ ฉะนั้นวันนี้ต้องมาเข้าใจกันก่อนถึงจะให้คนอื่นเขาเชื่อมั่นเรา ทำให้ต่างชาติเขาเชื่อมั่นเรา และให้เวลาเราในการแก้ไขปัญหา

ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ  ขอให้มีความสุขในวันหยุดสุดสัปดาห์ครับ ขอให้มีความสุขและปลอดภัยในการเดินทาง ขอบพระคุณครับ สวัสดีครับ